วันออกรางวัล 16 กันยายน 2567

วิธีการขอรับรางวัล (How to Claim Prizes)

ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลสามารถขอรับเงินรางวัลได้ภายใน 2 ปี นับจากวันออกรางวัล หลังจากนั้นสิทธิ์การรับรางวัลจะหมดลง ผู้ถูกรางวัลต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุพร้อมกับสลากตัวจริงที่ไม่มีการฉีกขาดหรือชำรุด

ขั้นตอนการขอรับรางวัลแตกต่างกันตามมูลค่ารางวัล:

• รางวัลไม่เกิน 20,000 บาท: สามารถขอรับได้ที่ตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ได้รับอนุญาต หรือที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสาขา
• รางวัลมูลค่า 20,001 – 100,000 บาท: สามารถขอรับได้ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสาขา หรือที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ
• รางวัลมากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป: ต้องขอรับที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สำนักงานใหญ่ ถนนนนทบุรี 1 เท่านั้น

กรุณาตรวจสอบผลการออกรางวัลจากเว็บไซต์ทางการก่อนการขอรับรางวัลเสมอ และเก็บรักษาสลากให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากสลากชำรุดอาจไม่สามารถขอรับรางวัลได้ การขอรับรางวัลทุกประเภทจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด

ลิงก์เว็บไซต์ทางการ (Official Website Link)

เพื่อความถูกต้องและเป็นทางการในการตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล กรุณาเข้าไปยังเว็บไซต์ทางการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ข้อมูลบนเว็บไซต์ทางการเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และมีการอัพเดทล่าสุด

เว็บไซต์ทางการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล: www.glo.or.th

บนเว็บไซต์ทางการ ท่านสามารถตรวจสอบผลการออกรางวัลย้อนหลัง ตรวจสอบงวดปัจจุบัน เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการซื้อสลากดิจิทัล และค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการออกสลากในประเทศไทย นอกจากนี้ ท่านยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หวยรัฐบาล” อย่างเป็นทางการเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบผลรางวัล

การจัดสรรรายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาล (Lottery Fund Allocation)

รายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยถูกนำไปจัดสรรเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคมในหลายด้าน โดยร้อยละ 60 ของรายได้จากการจำหน่ายสลากถูกนำไปจัดสรรเป็นเงินรางวัล ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 จะถูกจัดสรรเข้าเป็นรายได้แผ่นดินและกองทุนสาธารณประโยชน์ต่างๆ

การจัดสรรรายได้มีสัดส่วนดังนี้:

• ร้อยละ 20 นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินโดยตรง
• ร้อยละ 12 จัดสรรเข้ากองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม
• ร้อยละ 8 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าใช้จ่ายในการจำหน่าย

ตัวอย่างโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรายได้สลากกินแบ่งรัฐบาล:

• โครงการพัฒนาการศึกษา: การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจนทั่วประเทศ และการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล โดยในปีที่ผ่านมามีการมอบทุนการศึกษากว่า 10,000 ทุน และปรับปรุงอาคารเรียนในโรงเรียนชนบทกว่า 200 แห่ง
• โครงการสาธารณสุข: การจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลตามต่างจังหวัด และการสนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์ ซึ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้มีการจัดสรรงบประมาณกว่า 500 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
• โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ: การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยในปี 2565 ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 300 ล้านบาทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน